วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Chair idea

ก้อี้น้ำอั

           ในปัจจุบันมีวัสดุมากมายที่เหลือจากสิ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก่อให้เกิดเป็นมลพิษ และขยะ เราจึงคิดค้นหาวิธีการประยุกต์ โดยการคิดประดิษฐ์การทำเก้าอี้ด้วยขวดน้ำในชื่อสิ่งประดิษฐ์ว่า Chair idea ที่นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้จริง โดยมีขั้นตอน และวิธีการทำดังต่อไปนี้                               


                                                Related image
   
    
    วัสดุ และอุปกรณ์ที่ใช้

 1.ขวดน้ำอัดลมจำนวน 19 ขวด
 2.กรรไกร เข็ม และด้าย
 3.ผ้าที่ไว้ใช้สำหรับบุ (โพลีเอสเตอร์อัดแผ่น)
 4.ผ้าที่มีลวดลายที่ต้องการ

    
    ขั้นตอน และวิธีการทำ
 
1.นำขวดน้ำมาล้างให้สะอาด และนำมาเรียงต่อกันให้มีลักษณะเป็น 3 ชั้น แล้วนำไปพันด้วยสก็อตเทป   

                                         

 
2.นำกระดาษลังมาตัดให้มีขนาดพอดีกับด้านบน และล่างของขวดน้ำ
                            
                                         
  

 3.บุด้านล่าง และด้านบนด้วยใยโพลีเอสเตอร์

                                            


 4.นำไปหุ้มด้วยผ้าที่ลวดลายตามที่ต้องการ และเย็บติดกันให้เรียบร้อย

                                           

    เพียงเท่านี้ขยะที่ไม่มีประโยชน์ที่เราไม่ได้ใช้ ก็กลายมาเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ และสามารถนำมาใช้ได้จริงภายในชีวิตประจำวันของเรา



แหล่งที่มา ; http://pantip.com/topic/31158324






วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แนวทางมอเตอร์ไซค์จิ๊กโก๋ยุค1960

      
                             Café Racer (คาเฟ่ เรสเซอร์) 

       Café Racer (คาเฟ่ เรสเซอร์) กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่หลงไหลการตกแต่งมอเตอร์ไซค์ ด้วยกระแสวินเทจ ย้อยยุคที่ยังคงแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้กระแสการแต่งมอเตอร์ไซค์ในแบบ Café Racer มีความโดดเด่นทุกครั้งที่ได้พบเจอ เรามาทำความรู้จักแนวทางของ มอเตอร์ไซค์จิ๊กโก๋ยุค1960 กัน
           
                        Image result for รถคาเฟ่

      โดยต้นกำเนิดจริงๆของกระแส Café Racer เริ่มต้นขึ้นในยุค 1960 ที่วัยรุ่นประเทศอังกฤษกับลังคลั่งกับอิทธิพลของเพลงร็อกต่างๆ เช่น วงThe Door, The Rolling Stones, The Beach Boys ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับกระแสนั้นมาเหมือนกันนั่นก็คือยุคโก๋หลังวังนั่นเอง

                     Image result for James Dean             Image result for cafe racer สมัยก่อน

     Cafe Racer หรือชื่อเดิมว่า Kaf Racer คือชื่อเรียกการตกแต่งมอเตอร์ไซค์สำหรับประลองความเร็วบนท้องถนนในยุค 60s ตัวผู้ขับขี่เองก็มีการผสมผสานระหว่างนักแข่ง,แฟชั่น และเพลงร็อก พร้อมเรียกตัวเองว่าRockers หรือไม่ก็ Greasers ซึ่งจัดได้เลยว่าเท่ห์สุดๆ สถานที่ที่เหล่าร็อกเกอร์จะมารวมตัวกันนั่นก็คือตาม คาเฟ่ ต่างๆพร้อมเล่นเกมส์สุดมันที่เรียกว่า The ton ที่จะหยอดเหรียญเลือกเพลงร็อกที่ตัวเองชอบแล้วไปประลองความเร็วในเส้นทางที่กำหนดแล้วมาดูกันว่าใครจะกลับมาถึงคาเฟ่ก่อนที่เพลงจบ หรืออาจเพิ่มเดิมพันว่าจะมาถึงท่อนไหนของเพลงเลยก็ได้ นอกจากนี้บางคู่ที่ใช้เส้นชัยเป็นร้าน Cafe

                           Related image
     
    ในช่วงค.ศ.1960 มอเตอร์ไซค์สไตล์คาเฟ่ เรสเซอร์ จะเป็นมอเตอร์ไซค์จาก อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี และอเมริกา ส่วนรถจากประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มมาทำตลาดในปีค.ศ. 1970 รถจากแต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก ต่อมาในปีค.ศ. 1978 กระแสของ Cafe Racer ก็เริ่มลดลงจบเงียบหายไป สำหรับในปัจจุบันที่กระแส Vintageกลับมานิยม ส่งผลให้ คาเฟ่ เรสเซอร์ ก็กลับมาโด่งดังอีกครั้ง
   
   มอเตอร์ไซค์ในแบบ Cafe Racer การตกแต่งตัวรถก็จะเป็นเรื่องของความชอบในแต่ละคนแต่พื้นฐานหลักของการแต่งมอเตอร์คาเฟ่ ก็จะเหมือนกันก็คือ
  - เปลี่ยนมาใช้แฮนด์จับโช๊ค หรือ แฮนด์ค้างคาว (Cr.K.speed)

                                    Related image

   - ใช้ไฟหน้าแบบหัวกระสุน จะเล็กหรือใหญ่ก็ตามความชอบ
                             
                                    Related image

 - ใส่พักเท้า เกียร์โยงปรับท่านั่ง

                                    Image result for รถคาเฟ่

 - ถอดของที่ต้านลมในรถทิ้ง พร้อมโหลดรถลงเพื่อให้ตัวรถนิ่งมากขึ้น

                                     Image result for รถคาเฟ่
  
- ใช้ถังน้ำมันที่เว้าหลบเข่า หรืออาจจะตีถังขึ้นมาใหม่เลยก็ได้
                                   
                                     Image result for ตีถังรถคาเฟ่
        
        ซึ่งในปัจจุบันค่ายมอเตอร์ไซค์ สำนักแต่งมอเตอร์ไซค์มากมายทั้งไทยและต่างประเทศก็ได้ผลิตและตกแต่งรถ Cafe Racer ออกมาให้เราได้ชมกันอยู่ตลอด มอเตอร์ไซค์คาเฟ่ มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยแฮนด์บาร์ที่ต่ำบวกท่าขี่หมอบที่ดูสปอร์ตภายใ

                                     

แหล่งที่มา : http://bigbike.boxzaracing.com/knowledge/3547




วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์

       การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1.ความรู้เบื้องต้นของการสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์  

       นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อย่างเช่นในสำนักงานหนึ่งมีเครื่องอยู่ 30 เครื่อง หรือมากกว่านี้ ถ้าไม่มีการนำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้ จะเห็นว่าต้องใช้เครื่องพิมพ์อย่างน้อย 5 - 10 เครื่อง มาใช้งาน แต่ถ้ามีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้แล้วละก้อ ก็สามารถใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องพิมพ์ประมาณ 2-3 เครื่อง ก็พอต่อการใช้งานแล้ว เพราะว่าทุกเครื่องสามารถเข้าใช้เครื่องพิมพ์เครื่องใดก็ได้ ผ่านเครื่องอื่น ๆ ที่ในระบบเครือข่ายเดียวกัน                 การสื่อสารข้อมูลเป็นการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งโดยอาศัยสื่อหรือเครื่องมือต่างๆเป็น ช่องทางในการสื่อสาร เช่น การสื่อสารด้วย ท่าทาง ถ้อยคำ สัญลักษณ์ ภาพวาด จดหมาย โทรเลข เป็นต้น ต่อมาการสื่อสารข้อมูลได้พัฒนาและก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง มีการนำเทคโนโลยีด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ทำให้การติดต่อสื่อสารเกิดความสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งได้รับข่าวสารทันเหตุการณ์อีกด้วย

      1.1 ความหมายของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

                การสื่อสาร (communication) หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนสารหรือสื่อระหว่างผู้ส่งกับผู้รับ โดยส่งผ่านช่องทางนำสารหรือสื่อ เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
                การสื่อสารข้อมูล (datacommunication) หมายถึง กระบวนการหรือวิธีถ่ายทอดข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่มักจะอยู่ห่างไกลกัน และจำเป็นต้องอาศัยระบบการสื่อสารโทรคมนาคม (telecommunication) เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูล
                เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer networkหมายถึง การเชื่อมโยงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เพื่อให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งสามารถใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น



        1.2 องค์ประกอบของระบบสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบ ดังนี้




     1. ข่าวสาร (message) ในทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร ข่าวสารเป็นข้อมูลที่ผู้ส่งทำการส่งไปยังผู้รับผ่านระบบการสื่อสาร ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบ ดังต่อไปนี้
     2. ผู้ส่ง (sender) เป็น อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่อยู่ต้นทาง โดยข้อมูลต้องถูกจัดเตรียมนำเข้าสู่อุปกรณ์ส่งข้อมูล เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โมเด็ม (modem) จานไมโครเวฟ จานดาวเทียม เป็นต้น
     3.ผู้รับ (receiverเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากอุปกรณ์ส่งข้อมูล เช่น เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ โมเด็ม จานดาวเทียม เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อไป
     4. สื่อกลางหรือตัวกลาง (media) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่นำข่าวสารรูปแบบต่างๆจากผู้ส่งไปยังผู้รับ ได้แก่สายไฟ ขดลวด สายเคเบิล สายไฟเบอร์ออฟติก เป็นต้น สื่อกลางอาจจะอยู่ในรูปของคลื่นที่ส่งผ่านทางอากาศ เช่น คลื่นไมโครเวฟ คลื่นดาวเทียม คลื่นวิทยุ เป็นต้น
     5. โพรโตคอล (protocol) เป็นตัวกำหนดคุณลักษณะ กฎระเบียบ หรือวิธีการที่ใช้ในการสื่อสาร เพื่อให้ผู้รับและผู้ส่งเข้าใจกัน และสามารถสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง
     6. ซอฟต์แวร์ (software) เป็นโปรแกรมสำหรับดำเนินการและควบคุมการส่งข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้ข้อมูลตามที่กำหนดไว้ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ เช่น Microsoft Windows XP/Vista/7, Unix , Internet Explorer , Windows Live Message เป็นต้น

 
2.การสื่อสารข้อมูล
          ในปัจจุบันการสื่อสารข้อมูล มีบทบาทและความสำคัญที่ได้พัฒนาเผยแพร่ข้อมูลไปยังผู้ใช้งานโดยส่งผ่านสื่อ กลางต่างๆ ซึ่งสื่อกลางแต่ละแบบ ก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป
         2.1 สื่อกลางการสื่อสารข้อมูล              
              
การสื่อสารข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จะมีสื่อกลางสำหรับเชื่อมโยงสถานีหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นตัวกลางให้ผู้ส่งข้อมูล ทำการส่งข้อมูลไปยังผู้รับได้ สื่อกลางการสื่อสารข้อมูล
แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้
      1) การสื่อสารทางกายภาพ (physical media) เป็นการเชื่อมโยงสถานีระหว่างผู้รับและผู้ส่งข้อมูลโดยอาศัยสายสัญญาณเป็นสื่อกลางในระบบสื่อสารข้อมูล ตัวอย่างสายสัญญาณมีดังนี้
             1.1 สายตีเกลียวคู่ (twisted pair cable หรือ TP) ประกอบ ด้วยลวดทองแดงที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติกจำนวน 4 คู่ แต่ละคู่พันเป็นเกลียว ซึ่ง 2 คู่จะใช้สำหรับช่องทางการสื่อสาร 1 ช่องทาง สายตีเกลียวคู่เป็นตัวกลางที่เป็นมาตรฐานใช้ส่งสัญญาณเสียงและข้อมูลได้ใน ระยะเวลานาน สายสัญญาณประเภทนี้นิยมใช้เป็นสายโทรศัพท์ (telephone line) เพื่อส่งสัญญาณโทรศัพท์
             
               1.2 สายโคแอกเชียล (coaxial cable) ประกอบ ด้วยสายทองแดงเพียงเส้นเดียวเป็นแกนกลาง หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก สามารถส่งข้อมูลได้มากกว่าสายตีเกลียวคู่ประมาณ  80 เท่า ส่วนใหญ่จะใช้ในการส่งสัญญาณโทรทัศน์
            
              1.3 สายใยแก้วนำแสง (fiberotic cable) ประกอบ ด้วยเส้นใยแก้วขนาดเล็กซึ่งหุ้มด้วยฉนวนหลายชั้นโดยกรส่งข้อมูลใช้หลักการ สะท้อนของแสงผ่านหลอดแก้วขนาดเล็ก ทำให้สามารถส่งผ่านข้อมูลได้เร็วถึง 26,000 เท่าของสายตีเกลียวคู่ มีน้ำหนักเบาและมีความน่าเชื่อถือในการส่งข้อมูลมากกว่าสายโคแอกเชียล อีกทั้งการส่งข้อมูลยังใช้ลำแสงที่มีความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วของแสง ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้จำนวนมากเป็นระยะทางไกลด้วยความเร็วสูง


      2) สื่อกลางไร้สาย (wireless media) เป็นการเชื่อมต่อที่ไม่ต้องใช้สายสัญญาณเป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างผู้รับ และผู้ส่งข้อมูลแต่จะใช้อากาศเป็นสื่อกลาง ตัวอย่างสื่อกลางไร้สาย




แหล่งที่มา : http://kruthomtn.hsw.ac.th/index.htm

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ในหลวงในดวงใจตามโครงการพระราชดำริ



                           โ

                โครงการฝนหลวง คือ โครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีจุดประสงค์เพื่อสร้างฝนเทียมสำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้แก่เกษตรกร
              เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาด แคลนน้ำ อุปโภค บริโภค และการเกษตร จึงได้มีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทาน โครงการพระราชดำริ " ฝนหลวง " ให้กับ ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ไปดำเนินการ ซึ่งต่อมา ได้เกิดเป็นโครงการค้นคว้าทดลอง ปฏิบัติการฝนเทียมหรือฝนหลวงขึ้น ในสังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี ๒๕๑๒ ด้วยความสำเร็จของ โครงการ จึงได้ตราพระราชกฤษฎีกา ก่อตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นหน่วยงานรองรับโครงการพระราชดำริฝนหลวง


Image result for ฝนหลวง

วิธีการทำฝนหลวง

ขั้นตอนที่หนึ่ง : "ก่อกวน" จะมุ่งใช้สารเคมีไปกระตุ้น ให้มวลอากาศเกิดการลอยตัวขึ้นสู่ เบื้องบน เพื่อให้เกิดกระบวนการชักนำไอน้ำ หรือ ความชื้นเข้าสู่ระบบการเกิดเมฆ

ขั้นตอนที่สอง : "เลี้ยงให้อ้วน"เป็นขั้นตอนที่เมฆกำลัง ก่อตัวเจริญเติบโตซึ่งเป็นระยะสำคัญมาก ในการปฏิบัติการฝนหลวง เพราะจะต้องไป เพิ่มพลังงานให้แก่ updraft ให้ยาวนานออกไป ต้องใช้เทคโนโลยีและประสบการณ์หรือศิลปะแห่ง การทำฝนควบคู่ไปพร้อมๆกัน 

ขั้นตอนที่สาม : "โจมตี"เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกรรมวิธีปฏิบัติการฝนหลวง เมฆ หรือ กลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ 

Related image

ประโยชน์โครงการฝนหลวง
      
         เป็นโครงการที่ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มีประโยชน์ในเรื่องการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในการเกษตรในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงยาวนานเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำ ให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ และยังเป็นการป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม “ฝนหลวง” ได้บรรเทาภาวะแวดล้อมเป็นพิษอันเกิดจากการระบายน้ำเสียและขยะมูลฝอยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำจากฝนหลวงจะทำให้ภาวะมลพิษจากน้ำเสียเจือจางลง และยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้สามารถมีใช้ในปัจจุบัน


                                        


แหล่งที่มา : http://dit.dru.ac.th/ka/a31.php

โรงเรียนเซนต์โยเซฟนครสวรรค์

พิร์
                  
              เศรษฐกิจพอเพียง คือ ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลานาน ในช่วงตั้งแต่ก่อนการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืนมั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกาภิวัฒน์ อีกทั้งพระองค์ยังได้ทรงพระราชทานความหมายของ เศรษฐกิจพอเพียง การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ต้องอาศัย ทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน

เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักใคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทนมีความเพียรใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต  



                 แนวทางปฏิบัติ และผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมความรู้และเทคโนโลยี


                   ความพอเพียง  หมายถึง ความพอประมาณอย่างมีเหตุผล โดยสร้างภูมิ คุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร เพื่อที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว กว้างขวาง  ทั้ง ทางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี   โดย อาศัยความรอบรู้    รอบคอบ    และความระมัดระวังในการนำวิชาการต่าง ๆมาใช้ วางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอนควบคู่ไปกับการสร้างพื้นฐานจิตใจของคนใน ชาติทุกระดับ ให้สำนึกในคุณธรรม  ความซื่อสัตย์สุจริต ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล


                                    


แหล่งที่มา  https://www.youtube.com/watch?v=NR5Z4B7VRvs
                    www.rta.mi.th/21610u/Data/Data_pro/Popeaing/1.htm